สืบ นาคะเสถียร : ประวัติศาสตร์ป่าไม้ไทย บทเรียนที่ไม่มีวันลืม



"เสียงปืนที่ดังลั่น ตัวแม่นั้นต้องสิ้นใจ

ลูกน้อยที่กอดไว้ กระดอนไปเพราะแรงปืน

ฝืนใจเข้ากอดแม่ หวังแก้ให้แม่ฟื้น

แม่จ๋าเพราะเสียงปืน จึงไม่คืนชีวิตมา

โทษไหนจึงประหาร ศาลไหนพิพากษา

ถ้าลูกท่านเป็นสัตว์ป่า ใครเข่นฆ่าท่านยอมไหม

ชีวิตใครใครก็รัก ท่านประจักษ์หรือไม่

โปรดเถิดจงเห็นใจ สัตว์ป่าไซร้ก็เหมือนกัน"

สืบ นาคะเสถียร
1 พ.ค. 2518






ก่อนรุ่งสางของวันที่ 1 กันยายน 2533  เมื่อ 25 ปีที่แล้ว เสียงปืนนัดหนึ่งดังกึกก้อง ณ บ้านพักหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังอยู่ทั่วไปในป่าห้วยขาแข้งในห้วงเวลานั้น เสียงปืนนัดนั้นเป็นเสียงแห่งความยิ่งใหญ่ของการเสียสละเพื่อผืนป่าและหมู่มวลสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ก่อเกิดตำนานนักต่อสู้ สืบ นาคะเสถียร เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อป่าไม้สัตว์ป่าไทยสืบมา 

เสียงจากปลายกระบอกปืนของสืบในค่ำคืนนั้น หากแม้นมีใครได้ยินก็คงคิดว่าเป็นเพียงเสียงปืนที่ดังอยู่ทั่วไปเพราะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในช่วงนั้นกำลังถูกรุมทึ้งจากผู้คนโดยรอบและจากที่อื่นๆ ทุกครั้งที่เสียงปืนดังขึ้นนั่นหมายถึงชีวิตของสัตว์ป่าที่ต้องสูญเสีย ป่าห้วยขาแข้งที่ยังห่างไกลความเจริญ ไร้ความสนใจจากภาครัฐและผู้บริหารบ้านเมือง มีแต่ผู้คนที่หวังประโยชน์จากการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเอาพื้นที่ หรือล่าสัตว์ป่าที่มีอยู่ชุกชุมเพราะความอุดมสมบูรณ์ของป่าผืนนี้ ต่างพากันรุมทำร้ายรังแกป่าห้วยขาแข้งอย่างโหดร้าย  ผืนป่าเกือบ 1 ล้าน 7 แสนตารางกิโลเมตร หนักเกินไปที่สืบและลูกน้องเพียงหยิบมือจะรับไหว หากปล่อยไว้อย่างนี้ ผืนป่าห้วยขาแข้งที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดคงพังพินาศในเวลาไม่นานนัก 

ปี 2532 สืบ นาคะเสถียร นักวิชาการป่าไม้ ข้าราชการเล็กๆ คนหนึ่งเลือกจะมาเป็นหัวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งแทนที่จะเลือกรับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ เพื่อความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานในภายภาคหน้า  สืบ นาคะเสถียร พยายามทุ่มเททั้งกายใจทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องผืนป่าและชีวิตสัตว์ป่าในห้วยขาแข้งอย่างสุดชีวิต ก่อนหน้านั้น สืบและผองเพื่อนได้ร่วมกันต้านการก่อสร้างเขื่อนน้ำโจน จังหวัดกาญจนบุรี ทุกครั้งที่สืบขึ้นปราศรัย สืบจะบอกว่า "ผมขอพูดในนามสัตว์ป่าทุกตัว" เพราะภาพการสูญเสียชีวิตสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ยังฝังลึกอยู่ในใจของเขาหลายตัวสิ้นใจตายไปกับมือ สืบ นาคะเสถียร แม้เขาจะพยายามยื้อชีวิตสัตว์ป่าเหล่านั้นอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม ภาพของสัตว์ป่าที่กระเสือกกระสนหนีตายจากการถูกน้ำท่วม  เป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของการอพยพสัตว์ป่าบริเวณเหนือเขื่อนรัชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สืบเป็นหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่า เขาจึงออกมาพูดในนามสัตว์ป่า เพื่อคัดค้านและต่อต้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน จังหวัดกาญจนบุรี จนในที่สุดรัฐบาลต้องยกเลิกการสร้างเขื่อนน้ำโจนในเวลาต่อมา

8 เดือน ที่สืบมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง สืบต้องทนแรงเสียดทานจากทุกด้าน โดนกลั่นแกล้งจากระบบและการเมือง สืบถูกรัฐมนตรีเรียกเข้าพบและบอกว่า "คุณต้องทำงานให้หนักกว่าเดิมอีก" สืบโกรธมาก ลุกขึ้นตอบกลับไปว่า “ผมทำงานหนักกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากท่านจะยืดเวลา 1 วันให้ยาวออกไปอีก และผมไม่อาจบอกคนของผมให้ทำงานหนักกว่านี้ได้อีกแล้ว”  สืบต่อสู้กับระบบราชการและการเมืองรวมทั้งผู้มีอิทธิพล อย่างโดดเดี่ยวแต่สืบก็ไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ครั้งหนึ่งลูกน้องสืบถูกลอบยิงขณะเดินลาดตระเวนที่เขานางรำ สืบโกรธอย่างที่สุด ลุกขึ้นตะโกนกร้าว "ถ้าจะยิงลูกน้องกู มายิงกูดีกว่า" 

สืบทำงานโดยไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ตาต่อตาฟันต่อฟัน ในขณะเดียวกัน สืบเร่งรีบเก็บบันทึกข้อมูลรายละเอียดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและสัตว์ป่านานาชนิดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อให้นานาชาติได้เห็นคุณค่า ว่ามีความสำคัญต่อมวลมนุษยชาติอย่างไร นำเสนอต่อองค์การยูเนสโก และนี่คือวิถีทางที่สืบคิดแล้วว่าเป็นวิธีที่จะปกป้องผืนป่าแห่งนี้ไว้ได้ด้วยการผลักดันให้ผืนป่าห้วยขาแข้งทุ่งใหญ่นเรศวรให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ 

31 สิงหาคม 2533 สืบ นาคะเสถียร สะสางงานที่ค้างทุกอย่าง เก็บข้าวของที่ยืมมาส่งคืนเจ้าของ หมดความห่วงใยสิ่งใดอีก เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ คือสรรพชีวิตในผืนป่าห้วยขาแข้งที่เป็นเหมือนลมหายใจของเขาที่ต้องแลกด้วยชีวิต เสียงปืนนัดนี้จะเป็นเสียงสุดท้ายที่จะหยุดการทำร้ายผืนป่าห้วยขาแข้งและบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าแห่งนี้ เสียงปืนของสืบจะเป็นเสียงแห่งความยิ่งใหญ่ของการอนุรักษ์จากนี้ต่อไป

ในห้วงแห่งภวังค์ ความเงียบสงัดของค่ำคืนนั้น แม้อากาศจะหนาวเหน็บสักปานใดก็คงไม่เท่าความยะเยือกของหัวใจ น้ำค้างพรั่งพรายดั่งน้ำตาฟ้าที่หลั่งชโลมรินไหลลงห้วยทับเสลา สายน้ำที่หล่อเลี้ยงห้วยขาแข้งให้สรรพชีวิตยังอยู่ต้องดำเนินต่อไป เสียงนกกลางคืนร้องคราง ฮือ ๆ ประหนึ่งเสียงร่ำไห้ของหมู่มวลสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ระงมไปทั้งผืนป่าห้วยขาแข้ง ต่างพากันร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ สืบ นาคะเสถียร



สืบ นาคะเสถียร บุคคลที่สังคมไทยยกย่องให้เป็นปูชนียบุคคลต้นแบบของการอนุรักษ์ ยังคงสถิตอยู่ในหัวใจของผู้รักธรรมชาติมา ณ วันนี้ครบ 25 ปีแล้ว แสงเทียนแห่งการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ยังคงส่องสว่างกลางใจคนไทยสืบมา ห้วยขาแข้งในวันนี้ ไม่เป็นเช่น 25 ปีก่อนอีกแล้ว สายธารแห่งศรัทธาในความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ฉุดกระแสอนุรักษ์ให้หลั่งไหลชโลมห้วยขาแข้งให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง สมดังเจตนาของ สืบ นาคะเสถียร เสียงปืนนัดนั้น ยังดังกึกก้องอยู่ในหัวใจนักอนุรักษ์และคนไทยทั่วไปตลอดมา


อ้างอิง







ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น